ARKK & ARKG น่าลงทุนไหม ปี 2025?

 ปี 2025 ตลาดเทคโนโลยีและนวัตกรรมยังคงเป็น หัวใจสำคัญของการลงทุนระยะยาว เพราะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่เป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งหมด การลงทุนในบริษัทหรือกองทุนที่เน้นนวัตกรรม จึงไม่ใช่แค่การเก็งกำไร แต่เป็นการลงทุนใน โอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต

ARK Invest ยังคงเป็นชื่อที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามอง เนื่องจากมีแนวคิดการลงทุนที่ชัดเจน มุ่งเน้น เทคโนโลยีพลิกโฉมโลก (Disruptive Technology) โดยเฉพาะ กองทุน ARKK และ ARKG ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างกัน:

1.ARKK — ลงทุนในเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งระบบ เช่น AI, Robotics, Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ที่มีศักยภาพในการสร้างระบบอัตโนมัติ การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และการทำธุรกรรมทางการเงินแบบกระจายศูนย์ จุดเด่นคือการมองภาพรวมของเทคโนโลยีที่สามารถสร้างมูลค่าเชิงโครงสร้างในหลายอุตสาหกรรมพร้อมกัน

2.ARKG — ลงทุนใน นวัตกรรมด้านชีวภาพ เช่น Genomics, Biotech, การแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) กองทุนนี้มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่สามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิต และเปลี่ยนรูปแบบการรักษาพยาบาลจากการรักษาแบบมาตรฐานเป็นการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ทำให้เกิดโอกาสเติบโตในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในวงการแพทย์

หลายคนอาจสงสัยว่า ราคาของ ARKK และ ARKG ในปี 2025 สูงเกินไปหรือยัง? ความจริงคือ แม้ราคาจะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่การลงทุนในกองทุนเหล่านี้ต้องมอง ระยะยาวเป็นหลัก เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่ราคาหุ้นวันนี้ แต่เป็นศักยภาพของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่กองทุนลงทุนอยู่

นักลงทุนที่เข้าใจแนวคิดนี้จะมองว่า ความผันผวนระยะสั้นเป็นโอกาสมากกว่าปัญหา เพราะช่วงเวลาที่ตลาดอ่อนไหวสามารถเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นเพื่อผลตอบแทนระยะยาว นอกจากนี้ การถือยาวยังช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเก็บเกี่ยว ผลตอบแทนแบบทวีคูณ (Exponential Growth) จากนวัตกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนใน ARKK และ ARKG ยังเป็นการลงทุนที่ เน้นการวิจัยเชิงลึก (Research-driven) Cathie Wood และทีมงานจะคัดเลือกบริษัทโดยดูทั้งศักยภาพการเติบโต ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม และความสามารถในการนำเทคโนโลยีไปใช้จริง ทำให้กองทุนไม่เพียงแค่ลงทุนในหุ้นรายตัว แต่ลงทุนใน อนาคตของเทคโนโลยีและระบบนิเวศอุตสาหกรรมใหม่

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้าง พอร์ตระยะยาวและเน้นนวัตกรรม การลงทุนใน ARKK และ ARKG ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แม้ต้องรับมือกับความผันผวน แต่หากติดตามเทรนด์และมองภาพใหญ่ การลงทุนนี้มีศักยภาพที่จะสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดในอนาคตอย่างแท้จริง

การลงทุนใน ARKK และ ARKG ที่กำลังเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมและสร้างมูลค่าใหม่ ๆ ให้กับโลก การเข้าใจแนวโน้มและระบบนิเวศของเทคโนโลยีที่กองทุนลงทุนอยู่จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลงทุนประเภทนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำไรหรือผลประกอบการปัจจุบันของบริษัทเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ ศักยภาพการเปลี่ยนแปลงระยะยาวของเทคโนโลยี

ตัวอย่างเช่น:
AI และ Robotics จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการผลิต การขนส่ง และโลจิสติกส์ ทั้งช่วยลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และสร้างโอกาสใหม่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
Genomics และ Biotech กำลังเปลี่ยนวงการแพทย์จากการรักษาแบบมาตรฐาน เป็นการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และเปลี่ยนรูปแบบการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน

นักลงทุนที่เข้าใจแนวคิดนี้จะมอง ความผันผวนระยะสั้นเป็นโอกาสมากกว่าปัญหา การถือยาวช่วยให้คุณเก็บเกี่ยวผลตอบแทนแบบทวีคูณจากเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

สิ่งสำคัญในการลงทุน ARKK/ARKG:
-มุมมองระยะยาว: อย่าตัดสินใจจากราคาหุ้นรายวันหรือความผันผวนระยะสั้น
-ติดตามแนวโน้มเทคโนโลยี: เข้าใจว่าบริษัทใดมีศักยภาพในการเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรม
-กระจายความเสี่ยง: แม้เน้นนวัตกรรม แต่ควรกระจายการลงทุนตามหลายอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
-เรียนรู้และปรับตัว: เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว นักลงทุนต้องติดตามและปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์

ด้วยการเข้าใจเทคโนโลยีและระบบนิเวศโดยรวม คุณไม่เพียงแต่ลงทุนในหุ้น แต่กำลังลงทุนใน อนาคตของโลก และสามารถคว้า โอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด ที่การลงทุนแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถให้ได้

สรุป ส่วนตัวผมมองว่าการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนกลุ่มนี้ ควรมองการลงทุนระยะมากกว่าระยะสั้น
นอกจากนี้ หากเพื่อนๆ อยากอ่านข้อมูลฉบับเต็มสามารถอ่านได้ที่ https://www.ebc.com/th/forex/269580.html

[ข้อสงวนสิทธิ์] : เนื้อหานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูล และการคาดการณ์เท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และไม่รับประกันความถูกต้อง อีกทั้งข้อมูลนี้ไม่ได้มีการแนะนำ หรือชักชวนลงทุนทางการเงินใดๆ #การลงทุนมีความเสี่ยงนักลงทุนควรศึกษาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย #ความสูญเสียที่เกิดจากนักลงทุนไม่มีผลต่อผู้เขียนหรือแพลตฟอร์มใดๆ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การถือครองทองคำของแต่ละหน่วยงานแตกต่างกันอย่างไร？

รูปภาพ
การติดตามข้อมูลการถือครองทองคำ เพื่อใช้ศึกษาทิศทางของราคาทองคำ ในปัจจุบัน ข้อมูลเกี่ยวกับการถือครองทองคำ มีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่: 1. การถือครองทองคำของธนาคารกลาง 2. กองทุน ETF ทองคำ 3. ข้อมูลการถือครองจาก CFTC 4. ข้อมูลการถือครองทองคำใน COMEX แบบเรียลไทม์ แล้วทั้ง 4 ประเภทนี้ มีความแตกต่างอย่างไร？ 1.การสำรองทองคำของธนาคารกลาง การซื้อทองคำของธนาคารกลาง ได้รับความสนใจมากในปีนี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ก็คือการที่ธนาคารกลางหลายประเทศมีบทบาทในการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น ทองคำทั่วโลกที่ขุดขึ้นมา ส่วนมากจะถูกเก็บไว้ในธนาคารกลาง โดยถือครองทองคำรวมกันประมาณ 27,734.3 ตัน ซึ่งแบ่งตามภูมิภาคดังนี้:  ① ทวีปยุโรปตะวันตก ถือครองมากที่สุดที่ 10,733.58 ตัน ② ทวีปอเมริกาเหนือ ถือครอง 8,133.46 ตัน แต่ประเทศแคนาดาไม่มีการสำรองทองคำ ดังนั้น สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศที่มีการสำรองทองคำมากที่สุดในอเมริกาเหนือ ③ ทวีปเอเชียตะวันออก ถือครองทองคำ 3,110.29 ตัน ธนาคารกลางทั่วโลกทั้ง 3 ทวีปนี้ ถือครองทองคำมากที่สุด แต่เมื่อเทียบกับทองคำที่อยู่ใน กองทุน ETF ทองค (Gold ET...
อ่านเพิ่มเติม

ช่วงนี้ตลาดผันผวน เทรดยากขึ้น ทำอย่างไรให้ดี?

รูปภาพ
นับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ สิ้นสุดลง ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสินทรัพย์บางประเภทดูเหมือนจะเข้าสู่จุดเปลี่ยน ซึ่งทำให้มีโอกาสในการเทรดระหว่างวันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจะทำการเทรดระหว่างวันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ? 1. เลือกช่วงเวลาเทรดให้เหมาะสม ขั้นตอนแรกของการทำการซื้อขายระหว่างวัน (Day Trading) คือ การกำหนดช่วงเวลาการซื้อขายให้ชัดเจน คำแนะนำ ควรเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมที่อยู่ในช่วง 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หากเลือกกรอบเวลาที่มากกว่า 4 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น อาจทำให้อินดิเคเตอร์ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ 2. การซื้อขายในช่วงกรอบราคา (Range Trading) ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การเทรดจากฝ่ายซื้อและฝ่ายขายจะรุนแรงมาก ดังนั้นแนวโน้มราคามักจะเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ภายในช่วงกรอบราคา เช่น เครื่องมือ OrderFlow ของ EBC ที่แสดงการกระจายของคำสั่งซื้อต่างๆ คุณจะสามารถเห็นช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบSide ways โดยทั่วไป ช่วงที่ราคามีการกระจายตัวของคำสั่ง มักจะมากกว่าช่วงที่ราคามีการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน ดังนั้น สำหรับการเทรดระหว่างวัน การซื้อขายในกรอบราคาอาจเปิดโอกาสให้ทำกำไรจากการขายที่ราคาสู...
อ่านเพิ่มเติม

เครื่องมือ Pending Order ใน Order Flow

เมื่อเร็ว ๆ นี้เครื่องมือ Order Flow ของโบรกเกอร์ EBC มีเครื่องมือการซื้อขายแบบ Pending Order หรือการกระจายของคำสั่งซื้อล่วงหน้า เครื่องมือที่เราใช้กันบ่อย คือ แผนภูมิการกระจายคำสั่งที่ได้ดำเนินการแล้วในเครื่องมือ Order Flow ซึ่งแสดงถึงคำสั่งซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาด โดยช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของแรงซื้อขายในตลาดและเปรียบเทียบกันได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น บริเวณที่มีการสะสมของปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่น มักจะมีแนวโน้มราคาที่เคลื่อนไหวแบบทรงตัว และจุดที่มีการทะลุแนวราคามักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย คุณสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า ยิ่งมีการสะสมของปริมาณการซื้อขายมากเท่าไร การแย่งชิงในตลาดก็ยิ่งรุนแรง ซึ่งทำให้ราคาคงตัวอยู่ในช่วงแคบ ๆ แต่เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดแรงในการสะสมปริมาณการซื้อขาย ฝ่ายที่ได้เปรียบก็สามารถผลักดันราคาให้เคลื่อนไหวได้ด้วยการซื้อขายเพียงเล็กน้อย จากการสะสมของปริมาณการซื้อขายและการเคลื่อนไหวของคำสั่งซื้อในตลาด คุณสามารถใช้ข้อมูล Order Flow ( การไหลของคำสั่งซื้อ)  ในอดีตมาช่วยในการหาจุดที่อาจเป็นแนวรับและแนวต้านในตลาดได้ แต่บางครั้งเราก็อาจเจ...
อ่านเพิ่มเติม