London Gold & New York Gold แตกต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจไม่ทราบว่าทองคำลอนดอนและทองคำนิวยอร์กมีความแตกต่างกันอย่างไร?

ในฐานะที่เป็นสองราคาทองคำมาตรฐานที่สำคัญที่สุดในโลก ทองคำลอนดอนและทองคำนิวยอร์กเป็นแหล่งที่มาของการอ้างอิงราคาทองคำสปอตและทองคำฟิวเจอร์สระดับสากล ดังนั้นมันจึงมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเทรดประจำวันของเรา ดังนั้นเทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจกับมัน


 1. London Gold 

London Gold (ทองคำลอนดอน) คือชื่อเรียกการซื้อขายทองคำสปอต (Spot Gold) ในประเทศอังกฤษ โดยมากกว่า 80% ของการซื้อขายทองคำแบบสปอตทั่วโลกเกิดขึ้นผ่านสมาคมค้าทองคำลอนดอน (London Bullion Market Association หรือ LBMA)

สมาคมค้าทองคำ LBMA ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 เพื่อควบคุมดูแลการซื้อขายทองคำในลอนดอน (London Gold Market) ให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล

สมาชิกของ LBMA ประกอบไปด้วย ธนาคารชั้นนำ โบรกเกอร์ หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งทำหน้าที่ให้กำหนดมาตรฐานและพัฒนาความโปร่งใสในตลาด สามารถดูสมาชิกทั้งหมดของ LBMA ได้ที่เว็ปไซต์ทางการ : www.lbma.org.uk


1.1 บทบาทของ LBMA 

-กำหนดมาตรฐานทองคำ 

LBMA กำหนดมาตรฐานสำหรับการซื้อขายทองคำที่เรียกว่า London Good Delivery ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการตรวจสอบและรับรองคุณภาพทองคำในตลาดโลก เช่น ทองคำต้องมีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 99.5% และต้องมีน้ำหนักและขนาดที่เป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุ นอกจากนี้หากทำการซื้อขายหรือส่งมอบทองคำ จะต้องทำผ่านตลาด LBMA เท่านั้น 

-กำหนดราคาซื้อขายทองคำทั่วโลก 

ราคาซื้อขายของ LMBA จะกำหนดเป็นรูปแบบทองสปอต (Spot Gold) หรือราคาทองคำแท่ง กระบวนการกำหนดราคาเราเรียกว่า ราคาปิดตลาด (London Gold Fixing) ซึ่งเป็นราคาที่เกิดขึ้นจากการประมูลหาจุดสมดุลระหว่างการซื้อขายของสมาชิกใน LBMA โดยราคาจะประกาศในเวลาช่วงเช้า 10:30 น. และช่วงบ่าย 15:00 น. ตามเวลาลอนดอน และราคาที่ได้จากการประมูล เราจะเรียกว่า London Gold Price 

-กำกับดูแลเพื่อความโปร่งใส 

LBMA มีบทบาทในการกำกับดูแลและตรวจสอบตลาดทองคำให้มีความโปร่งใส โดยจะมีการตรวจสอบและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายทองคำ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณทองคำที่ซื้อขายและการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ


1.2 LBMA มีความสำคัญอย่างไรกับตลาด Forex

-สภาพคล่อง (Liquidity)

สมาคม LBMA มีสมาชิกเป็นธนาคารข้ามชาติถึง 11 แห่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ทำการตลาดและมีการซื้อขายทองคำระหว่างธนาคารในตลาดนี้ ถือเป็นแหล่งราคาทองคำสปอตขั้นต้นที่มีสภาพคล่องสูง

อาจจะดูคุ้นเคย เพราะการเทรดในตลาดจริง ๆ ที่เราได้รับสภาพคล่องสูง ก็เป็นผลมาจากแหล่งเงินทุนระหว่างธนาคารเหล่านี้ และหนึ่งในแหล่งสภาพคล่องหลักของทองคำสปอตก็คือจากตรงนี้

ดังนั้น หากคุณต้องการเทรดทองคำในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด แพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับธนาคารเหล่านี้ เช่น EBC ที่เชื่อมต่อกับธนาคารชั้นนำอย่าง BNP Paribas, Citibank, Goldman Sachs, JPMorgan, และ UBS ก็จะช่วยให้คุณเข้าถึงการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด


สมาคม LBMA มีธนาคารข้ามชาติ 11 แห่งที่เป็นสมาชิกในกลุ่มตลาด (Market Members) ซึ่งธนาคารเหล่านี้ทำการซื้อขายโดยตรงโดยไม่ผ่านตลาดกลาง การซื้อขายนี้เราเรียกว่า Interbank Market หลักจากที่ได้ราคาซื้อขายของธนาคาร (First-Tier Quote) จะถูกถ่ายทอดไปสู่นักลงทุนรายย่อยหรือโบรกเกอร์

การเทรดผ่านโบรกเกอร์ เรื่องสภาพคล่องและราคาทองคำที่เราเห็นในการซื้อขาย มีต้นกำเนิดมาจากธนาคารพวกนี้

ดังนั้น หากคุณต้องการเทรดทองคำในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด ควรเลือกหาโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อกับธนาคารเหล่านี้ เช่น ธนาคาร BNP Paribas, Citibank, Goldman Sachs, JPMorgan, และ UBS


-การกำกับดูแล (Regulation)

เนื่องจาก LBMA ตั้งอยู่ในลอนดอน ดังนั้นจึงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA (Financial Conduct Authority) ของสหราชอาณาจักร

หากโบรกเกอร์ที่คุณใช้เทรดทองคำมีใบอนุญาตจาก FCA การให้บริการในด้านการเทรดทองคำก็จะเกิดขึ้นภายใต้การกำกับดูแลของ FCA โดยตรง ซึ่งหมายความว่า การเทรดของคุณมีความปลอดภัยสูงมาก เพราะอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานที่เชื่อถือได้


-กองทุน ETF ทองคำ (Gold ETF)

อีกหนึ่งคำที่คุ้นเคยกันดี ในการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ กองทุน ETF ทองคำ ที่เราใช้กันอยู่คือ SPDR Gold Shares ซึ่งใช้ London Gold Price ของ LBMA ในการกำหนดมูลค่าของกองทุนนี้

หลังจากที่เราเข้าใจเกี่ยวกับ London Gold แล้ว ต่อไปเราจะพูดถึง New York Gold กันบ้าง


2. New York Gold (ทองคำนิวยอร์ก)

ทองคำนิวยอร์ก คือการเรียกเเทนการซื้อขายทองคำฟิวเจอร์ (Futures) ที่ทำการซื้อขายในตลาด Comex ซึ่งการซื้อขายทองคำฟิวเจอร์ทั่วโลกมากกว่า 80% มาจากตลาดนี้ 


ความแตกต่างระหว่างทองคำฟิวเจอร์และตลาดสปอต 

ฟิวเจอร์จะต้องซื้อขายในตลาดที่มีการกำหนดราคาและมีการจับคู่คำสั่งซื้อขายจากผู้ซื้อและผู้ขายที่รวมตัวกันในตลาด โดยการซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์มีลักษณะเป็นการประมูลราคาจากทั้งสองฝ่ายที่แข่งขันกัน ซึ่งทำให้ราคาฟิวเจอร์มีฟังก์ชั่นในการค้นหาราคาที่ชัดเจนกว่า ดังนั้นราคาฟิวเจอร์จึงเป็นข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญสำหรับการซื้อขายในราคาทองคำสปอต (London Spot Gold)

นอกจากนี้ ด้วยการที่ฟิวเจอร์มีการซื้อขายในสถานที่ที่กำหนดไว้ ทำให้สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งการถือครองได้ง่าย โดยเฉพาะการถือครองจากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งช่วยให้สามารถเห็นพฤติกรรมของผู้เล่นหลักในตลาด

การถือครองทองคำฟิวเจอร์สามารถติดตามได้จากข้อมูลที่เผยแพร่โดย CFTC (Commodity Futures Trading Commission) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการเปิดเผยข้อมูลตำแหน่งการถือครองทองคำ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นว่า ตำแหน่งการถือครองที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ (Non-commercial positions) จะมีสัดส่วนที่สูงที่สุด ซึ่งแสดงถึงการถือครองของสถาบันต่างๆ ที่มีส่วนสำคัญในตลาดฟิวเจอร์ทองคำ

โดยทั่วไปแล้ว หากการถือครองตำแหน่งที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ (Non-commercial positions) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แสดงว่ามีการซื้อ (Long Position) ของสถาบันการเงินที่มากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นในราคาทองคำที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้มีข้อบกพร่องที่สำคัญ คือจะเผยแพร่เพียงแค่สัปดาห์ละครั้ง หากในช่วงเวลานั้นสถาบันปรับเปลี่ยนตำแหน่งการถือครองและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ข้อมูลอาจมีความคลาดเคลื่อนได้

ดังนั้น สถาบันที่มีคุณภาพบางแห่งจะเชื่อมต่อกับ CME (Chicago Mercantile Exchange) เพื่อรับข้อมูลการถือครองตำแหน่งของ COMEX แบบเรียลไทม์ 

ทำไมต้อง CME? เพราะตลาดComex ถูก CME เข้าซื้อกิจการแล้ว

ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม EBC ได้เชื่อมต่อกับ CME ดังนั้นคุณสามารถดูข้อมูลการถือครองตำแหน่ง COMEX ได้ตลอดเวลา และยังสามารถใช้ข้อมูลที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมเพื่อการแสดงผลภาพ เพื่อให้เข้าใจความแข็งแกร่งของตลาดได้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลเหล่านี้รวมถึง Market Footprint และ Order Flow Distribution ซึ่งช่วยให้เห็นปริมาณคำสั่งซื้อในแต่ละระดับราคา รวมถึงคำสั่งซื้อขนาดใหญ่จากสถาบัน และยังสามารถใช้ Order Flow Distribution เพื่อตรวจสอบจุดที่ตลาดกำลังมีการต่อสู้กันอย่างเข้มข้น

Order Book Distribution ช่วยให้คุณรู้ล่วงหน้าถึงคำสั่งที่สถาบันวางไว้ และทำให้คุณสามารถระบุได้ว่า แนวรับและแนวต้าน อยู่ระดับไหน

สรุปแล้ว นี่คือความแตกต่างระหว่าง London Gold และ New York Gold โดยไม่ว่าคุณจะเทรดตัวไหนก็เป็น ราคาพื้นฐานสำคัญ ที่มีผลต่อการเทรดทองคำของเรา หากสนใจ คุณอาจลองศึกษาเรื่อง Basis และ Position Changes เพื่อช่วยในการตัดสินใจการเทรด ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การถือครองทองคำของแต่ละหน่วยงานแตกต่างกันอย่างไร？

รูปภาพ
การติดตามข้อมูลการถือครองทองคำ เพื่อใช้ศึกษาทิศทางของราคาทองคำ ในปัจจุบัน ข้อมูลเกี่ยวกับการถือครองทองคำ มีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่: 1. การถือครองทองคำของธนาคารกลาง 2. กองทุน ETF ทองคำ 3. ข้อมูลการถือครองจาก CFTC 4. ข้อมูลการถือครองทองคำใน COMEX แบบเรียลไทม์ แล้วทั้ง 4 ประเภทนี้ มีความแตกต่างอย่างไร？ 1.การสำรองทองคำของธนาคารกลาง การซื้อทองคำของธนาคารกลาง ได้รับความสนใจมากในปีนี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ก็คือการที่ธนาคารกลางหลายประเทศมีบทบาทในการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น ทองคำทั่วโลกที่ขุดขึ้นมา ส่วนมากจะถูกเก็บไว้ในธนาคารกลาง โดยถือครองทองคำรวมกันประมาณ 27,734.3 ตัน ซึ่งแบ่งตามภูมิภาคดังนี้:  ① ทวีปยุโรปตะวันตก ถือครองมากที่สุดที่ 10,733.58 ตัน ② ทวีปอเมริกาเหนือ ถือครอง 8,133.46 ตัน แต่ประเทศแคนาดาไม่มีการสำรองทองคำ ดังนั้น สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศที่มีการสำรองทองคำมากที่สุดในอเมริกาเหนือ ③ ทวีปเอเชียตะวันออก ถือครองทองคำ 3,110.29 ตัน ธนาคารกลางทั่วโลกทั้ง 3 ทวีปนี้ ถือครองทองคำมากที่สุด แต่เมื่อเทียบกับทองคำที่อยู่ใน กองทุน ETF ทองค (Gold ET...
อ่านเพิ่มเติม

ช่วงนี้ตลาดผันผวน เทรดยากขึ้น ทำอย่างไรให้ดี?

รูปภาพ
นับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ สิ้นสุดลง ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสินทรัพย์บางประเภทดูเหมือนจะเข้าสู่จุดเปลี่ยน ซึ่งทำให้มีโอกาสในการเทรดระหว่างวันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจะทำการเทรดระหว่างวันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ? 1. เลือกช่วงเวลาเทรดให้เหมาะสม ขั้นตอนแรกของการทำการซื้อขายระหว่างวัน (Day Trading) คือ การกำหนดช่วงเวลาการซื้อขายให้ชัดเจน คำแนะนำ ควรเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมที่อยู่ในช่วง 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หากเลือกกรอบเวลาที่มากกว่า 4 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น อาจทำให้อินดิเคเตอร์ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ 2. การซื้อขายในช่วงกรอบราคา (Range Trading) ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การเทรดจากฝ่ายซื้อและฝ่ายขายจะรุนแรงมาก ดังนั้นแนวโน้มราคามักจะเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ภายในช่วงกรอบราคา เช่น เครื่องมือ OrderFlow ของ EBC ที่แสดงการกระจายของคำสั่งซื้อต่างๆ คุณจะสามารถเห็นช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบSide ways โดยทั่วไป ช่วงที่ราคามีการกระจายตัวของคำสั่ง มักจะมากกว่าช่วงที่ราคามีการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน ดังนั้น สำหรับการเทรดระหว่างวัน การซื้อขายในกรอบราคาอาจเปิดโอกาสให้ทำกำไรจากการขายที่ราคาสู...
อ่านเพิ่มเติม

เครื่องมือ Pending Order ใน Order Flow

เมื่อเร็ว ๆ นี้เครื่องมือ Order Flow ของโบรกเกอร์ EBC มีเครื่องมือการซื้อขายแบบ Pending Order หรือการกระจายของคำสั่งซื้อล่วงหน้า เครื่องมือที่เราใช้กันบ่อย คือ แผนภูมิการกระจายคำสั่งที่ได้ดำเนินการแล้วในเครื่องมือ Order Flow ซึ่งแสดงถึงคำสั่งซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาด โดยช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของแรงซื้อขายในตลาดและเปรียบเทียบกันได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น บริเวณที่มีการสะสมของปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่น มักจะมีแนวโน้มราคาที่เคลื่อนไหวแบบทรงตัว และจุดที่มีการทะลุแนวราคามักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย คุณสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า ยิ่งมีการสะสมของปริมาณการซื้อขายมากเท่าไร การแย่งชิงในตลาดก็ยิ่งรุนแรง ซึ่งทำให้ราคาคงตัวอยู่ในช่วงแคบ ๆ แต่เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดแรงในการสะสมปริมาณการซื้อขาย ฝ่ายที่ได้เปรียบก็สามารถผลักดันราคาให้เคลื่อนไหวได้ด้วยการซื้อขายเพียงเล็กน้อย จากการสะสมของปริมาณการซื้อขายและการเคลื่อนไหวของคำสั่งซื้อในตลาด คุณสามารถใช้ข้อมูล Order Flow ( การไหลของคำสั่งซื้อ)  ในอดีตมาช่วยในการหาจุดที่อาจเป็นแนวรับและแนวต้านในตลาดได้ แต่บางครั้งเราก็อาจเจ...
อ่านเพิ่มเติม