ใบอนุญาต FCA มีกีประเภท?

ใบอนุญาต FCA คือ หน่วยงานกำกับดูแลการให้บริการของโบรกเกอร์ Forex โดย FCA (Financial Conduct Authority) จะออกใบอนุญาตนี้ให้ เพื่อเป็นสิ่งยืนยันถึงมาตรฐานและมั่นคงของโบรกเกอร์

ซึ่งการมีใบอนุญาต FCA สำหรับโบรกเกอร์เป็นสิ่งสำคัญมาก และโบรกเองต้องการใบนี้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับนักลงทุน แต่ต้องบอกว่าใบอนุญาตนี้ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ต้องผ่านกระบวนการที่เข้มงวดสูง

ถึงแม้ว่า ในปัจจุบันจะมีโบรกเกอร์มากมายที่ถือใบอนุญาต FCA แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ปิดหาย นั้นอาจเป็นเพราะการไม่เข้าใจว่า FCA จริงๆ แล้วมีหน้าตาเป็นแบบไหน ดังนั้น วันนี้ผมจะบอกวิธีเช็คใบอนุญาต FCA อย่างถูกต้อง 


ก่อนจะตรวจสอบเราต้องเข้าใจก่อนว่า ใบอนุญาต FCA มีกี่ประเภท

ใบอนุญาต FCA แบ่งออกเป็น 4 ประเภท


1. ใบอนุญาตสหภาพยุโรป (EEA License)

ใบอนุญาต EEA อนุญาตให้สถาบันการเงิน หรือโบรกเกอร์สามารถดำเนินธุรกิจในเขตเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Area) รวมถึงประเทศอังกฤษได้ แต่บริษัทเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำกับดูแลโดยตรงจาก FCA 

ใบอนุญาตนี้จะออกโดยประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) สามารถดำเนินการได้ใน EU และต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของกฎหมาย EU แต่จะไม่ได้รับการคุ้มครองจาก FCA 

สามารถหาข้อมูลใบอนุญาต EEA เพิ่มเติมได้ที่: https://www.esma.europa.eu/


วิธีตรวจสอบใบอนุญาต EEA

หากตรง Status แสดงคำว่า “EEA Authorised”หมายถึงได้รับอนุญาตจากเขตเศรษฐกิจยุโรปเท่านั้น


วิธีเช็คใบอนุญาต FCA ให้ไปที่เว็ปไซต์ทางการ FCA จากนั้นกรองชื่อโบรกเกอร์ที่ต้องการตรวจสอบ

หากใครยังไม่รู้วิธีตรวจสอบสามารถอ่านบทความนี้เพิ่มเติมได้: https://pantip.com/topic/43091233

ใบอนุญาต EEA

2. ใบอนุญาต AR (Appointed Representative)

ใบอนุญาต AR เป็นตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำเนินธุรกิจแทน โดยโบรกเกอร์ที่ถือใบอนุญาต FCA จะเป็นคนออกใบอนุญาตนี้ให้ แต่ไม่ได้ออกโดยหน่วยงาน FCA โดยตรง เปรียบเทียบง่ายๆ ใบอนุญาต AR นี้เหมือน agency หรือคนกลาง 

ปัจจุบัน AR License มี 2 รูปแบบ:

  • Introducer Appointed Representative (IAR): ตัวแทนแนะนำลูกค้า
    เป็นตัวแทนที่ทำหน้าที่แนะนำลูกค้าไปให้โบรกเกอร์หลัก (Principal Firm)
  • Independent Appointed Representative (AR): ตัวแทนอิสระ
    ตัวแทนที่สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อโบรกเกอร์ของตนเอง แต่ต้องได้รับอนุญาตจาก FCA และจดทะเบียนในสหราชอาณาจักร

ข้อดีของ AR License

  • ได้รับความคุ้มครองจาก FSCS (Financial Services Compensation Scheme) แต่เนื่องจากการกำกับดูแลขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์หลัก อาจมีความเสี่ยงในกรณีที่โบรกเกอร์หลักไม่ได้รายงานข้อมูลครบถ้วน
  • ไม่ต้องลงทุนมากเหมือนโบรกเกอร์รายใหญ่

วิธีตรวจสอบใบอนุญาต AR

เช็ค Status:

  • หากแสดง “Appointed Representative” หมายถึงตัวแทนอิสระ (Independent AR)
  • หากแสดง “Introducer Appointed Representative” หมายถึงตัวแทนแนะนำลูกค้า (Introducer AR)
เว็ปไซต์ FCA

3. ใบอนุญาตแบบเต็มรูปแบบ (Full License)

ใบอนุญาต FCA Full License คือใบอนุญาตที่ได้รับการยอมรับและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดจากหน่วยงาน FCA โดยในส่วน Status ของใบอนุญาตจะระบุคำว่า “Authorised” ซึ่งเป็นหมายถึงความน่าเชื่อถือและการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดจาก FCA

ประเภทของใบอนุญาตแบบเต็มรูปแบบ

ใบอนุญาตแบบเต็มรูปแบบ FCA แบ่งออกเป็น 3 ประเภท:

  1. ใบอนุญาตให้คำปรึกษาการลงทุน (Investment Advisory License) 
  2. ใบอนุญาต STP (Straight Through Processing)
  3. ใบอนุญาต MM (Market Maker)
ใบอนุญาตทั้ง 3 นี้แตกต่างกันอย่างไร?
1. ใบอนุญาตให้คำปรึกษาการลงทุน ไม่ได้รับการดูแลจากการดูแลจากหน่วยงาน FCA ตรงกันข้ามกับ
ใบอนุญาต STP และ MM  ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของ FCA และได้รับความคุ้มครองด้านเงินทุนผ่าน FSCS

2. การจัดการเงินทุน ใบอนุญาตให้คำปรึกษาการลงทุนไม่สามารถจัดการเงินของลูกค้าได้ (“Cannot”) แต่ใบอนุญาตSTP/MM สามารถจัดการเงินของลูกค้าได้ (“Can”)

ใบอนุญาต FCA

ความแตกต่างระหว่าง STP License และ MM License

  • STP License

    • STP อนุญาตให้โบรกเกอร์เป็นตัวกลางส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าเข้าสู่ตลาด Forex โดยตรง
    • ไม่มีการแทรกแซงคำสั่งซื้อขายของลูกค้าจากโบรกเกอร์

  • MM License

    • MM อนุญาตให้โบรกเกอร์เป็นคนกำหนดราคาโดยอ้างอิงจากราคาตลาด
    • สภาพคล่องสูง ค่าดำเนินการต่ำ
สำหรับเทรดเดอร์แล้ว ไม่มีความแตกต่างในแง่ของความน่าเชื่อถือระหว่างทั้ง 2 ใบอนุญาต เพราะทั้งคู่ได้รับการกำกับดูแลที่เข้มงวดจาก FCA และมีการคุ้มครองจากแผนการชดเชย FSCS ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือการเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเอง


4. ใบอนุญาตชำระเงิน (Payment License)

ใบอนุญาต Payment License เป็นใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านการชำระเงิน เช่น e-Wallet หรือ การโอนเงินระหว่างประเทศ โดยตรงคำว่า Type จะระบุว่า “PSD”ซึ่งมีหน้าที่เฉพาะชำระเงินเท่านั้น


FCA

ข้อควรทราบ:
ใบอนุญาตนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักลงทุนทั่วไปน้อย แต่เหมาะสำหรับบริษัทที่มุ่งเน้นการให้บริการด้านการชำระเงิน


ปัจจุบัน ในวงการ Forex ใบอนุญาตที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ FCA Full license ซึ่งมีการคุ้มครองอย่างครอบคลุม และสามารถเปิดบัญชี FCA ได้

หากบางโบรกเกอร์แอบอ้างถึงการมี FCA Full license แต่ไม่สามรถเปิดบัญชี FCA ได้ นั้นก็อาจแสดงถึงใบอนุญาต FCA ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่รูปแบบเต็ม ทั้งนี้นักลงทุนควรตรวจสอบประเภทก่อนเลือกโบรกเกอร์


สรุป

ใบอนุญาต FCA เป็นใบอนุญาตที่มีมาตฐานระดับสูงและมีการคุ้มครองนักลงทุนอย่างครอบคลุม แต่ยังมีน้อยคนที่จะทราบถึงข้อมูลนี้ การที่เราเข้าใจหน้าที่และความสำคัญของ FCA ผมเชื่อว่าจะมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การถือครองทองคำของแต่ละหน่วยงานแตกต่างกันอย่างไร？

รูปภาพ
การติดตามข้อมูลการถือครองทองคำ เพื่อใช้ศึกษาทิศทางของราคาทองคำ ในปัจจุบัน ข้อมูลเกี่ยวกับการถือครองทองคำ มีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่: 1. การถือครองทองคำของธนาคารกลาง 2. กองทุน ETF ทองคำ 3. ข้อมูลการถือครองจาก CFTC 4. ข้อมูลการถือครองทองคำใน COMEX แบบเรียลไทม์ แล้วทั้ง 4 ประเภทนี้ มีความแตกต่างอย่างไร？ 1.การสำรองทองคำของธนาคารกลาง การซื้อทองคำของธนาคารกลาง ได้รับความสนใจมากในปีนี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ก็คือการที่ธนาคารกลางหลายประเทศมีบทบาทในการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น ทองคำทั่วโลกที่ขุดขึ้นมา ส่วนมากจะถูกเก็บไว้ในธนาคารกลาง โดยถือครองทองคำรวมกันประมาณ 27,734.3 ตัน ซึ่งแบ่งตามภูมิภาคดังนี้:  ① ทวีปยุโรปตะวันตก ถือครองมากที่สุดที่ 10,733.58 ตัน ② ทวีปอเมริกาเหนือ ถือครอง 8,133.46 ตัน แต่ประเทศแคนาดาไม่มีการสำรองทองคำ ดังนั้น สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศที่มีการสำรองทองคำมากที่สุดในอเมริกาเหนือ ③ ทวีปเอเชียตะวันออก ถือครองทองคำ 3,110.29 ตัน ธนาคารกลางทั่วโลกทั้ง 3 ทวีปนี้ ถือครองทองคำมากที่สุด แต่เมื่อเทียบกับทองคำที่อยู่ใน กองทุน ETF ทองค (Gold ET...
อ่านเพิ่มเติม

ช่วงนี้ตลาดผันผวน เทรดยากขึ้น ทำอย่างไรให้ดี?

รูปภาพ
นับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ สิ้นสุดลง ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสินทรัพย์บางประเภทดูเหมือนจะเข้าสู่จุดเปลี่ยน ซึ่งทำให้มีโอกาสในการเทรดระหว่างวันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจะทำการเทรดระหว่างวันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ? 1. เลือกช่วงเวลาเทรดให้เหมาะสม ขั้นตอนแรกของการทำการซื้อขายระหว่างวัน (Day Trading) คือ การกำหนดช่วงเวลาการซื้อขายให้ชัดเจน คำแนะนำ ควรเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมที่อยู่ในช่วง 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หากเลือกกรอบเวลาที่มากกว่า 4 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น อาจทำให้อินดิเคเตอร์ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ 2. การซื้อขายในช่วงกรอบราคา (Range Trading) ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การเทรดจากฝ่ายซื้อและฝ่ายขายจะรุนแรงมาก ดังนั้นแนวโน้มราคามักจะเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ภายในช่วงกรอบราคา เช่น เครื่องมือ OrderFlow ของ EBC ที่แสดงการกระจายของคำสั่งซื้อต่างๆ คุณจะสามารถเห็นช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบSide ways โดยทั่วไป ช่วงที่ราคามีการกระจายตัวของคำสั่ง มักจะมากกว่าช่วงที่ราคามีการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน ดังนั้น สำหรับการเทรดระหว่างวัน การซื้อขายในกรอบราคาอาจเปิดโอกาสให้ทำกำไรจากการขายที่ราคาสู...
อ่านเพิ่มเติม

เครื่องมือ Pending Order ใน Order Flow

เมื่อเร็ว ๆ นี้เครื่องมือ Order Flow ของโบรกเกอร์ EBC มีเครื่องมือการซื้อขายแบบ Pending Order หรือการกระจายของคำสั่งซื้อล่วงหน้า เครื่องมือที่เราใช้กันบ่อย คือ แผนภูมิการกระจายคำสั่งที่ได้ดำเนินการแล้วในเครื่องมือ Order Flow ซึ่งแสดงถึงคำสั่งซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาด โดยช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของแรงซื้อขายในตลาดและเปรียบเทียบกันได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น บริเวณที่มีการสะสมของปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่น มักจะมีแนวโน้มราคาที่เคลื่อนไหวแบบทรงตัว และจุดที่มีการทะลุแนวราคามักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย คุณสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า ยิ่งมีการสะสมของปริมาณการซื้อขายมากเท่าไร การแย่งชิงในตลาดก็ยิ่งรุนแรง ซึ่งทำให้ราคาคงตัวอยู่ในช่วงแคบ ๆ แต่เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดแรงในการสะสมปริมาณการซื้อขาย ฝ่ายที่ได้เปรียบก็สามารถผลักดันราคาให้เคลื่อนไหวได้ด้วยการซื้อขายเพียงเล็กน้อย จากการสะสมของปริมาณการซื้อขายและการเคลื่อนไหวของคำสั่งซื้อในตลาด คุณสามารถใช้ข้อมูล Order Flow ( การไหลของคำสั่งซื้อ)  ในอดีตมาช่วยในการหาจุดที่อาจเป็นแนวรับและแนวต้านในตลาดได้ แต่บางครั้งเราก็อาจเจ...
อ่านเพิ่มเติม