ตลาดสหรัฐฯ ขยายเวลาการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

เร็ว ๆ นี้ มีข่าวที่ได้รับความสนใจในตลาดการลงทุน นั้นก็คือ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) จะขยายเวลาการซื้อขายหุ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ออกไปเป็น 22 ชั่วโมงต่อวัน การยืดเวลาออกไปนี้ เหมือนว่าจะเป็นการเปิดแนวทางใหม่ให้กับการซื้อขายหุ้นแทบตลอดทั้งวัน

ขยายเวลาเป็น 22 ชั่วโมงซื้อขาย

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) ก็ได้ประกาศว่าจะขยายเวลาการซื้อขาย ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน โดยเพิ่มระยะเวลาการซื้อขายเป็น 5.5 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี นับตั้งแต่ปี 1954 ที่มีการขยายเวลาซื้อขายในลักษณะนี้ การขยายเวลาซื้อขายของทั้ง 2 ตลาดใหญ่ ดูเหมือนจะส่งสัญญาณว่า แนวโน้มการขยายเวลาการซื้อขายหุ้นทั่วโลกอาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปลี่ยนเวลาการซื้อขายเป็น 22 ชั่วโมง

ก่อนที่เราจะทำการเทรดในลักษณะรูปแบบดังกล่าว คุณควรต้องรู้สิ่งนี้ :


1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะขยายเวลาการซื้อขายอย่างไร?

ตามประกาศของ NYSE :

- เวลาซื้อขายใหม่จะเริ่มตั้งแต่เวลา 1:30 น. จนถึง 23:30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ

- การขยายเวลานี้ครอบคลุมการซื้อขายก่อนและหลังตลาดเปิด (Pre-market และ After-hours) ในขณะที่ช่วงเวลาซื้อขายปกติ (ในตลาด) จะยังคงเหมือนเดิม


พูดง่าย ๆ ก็คือ เวลาซื้อขายจะถูกขยายเฉพาะในช่วงก่อนและหลังตลาดปกติเท่านั้น


การซื้อขายในช่วงปกติของตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือเวลาประมาณ 9:30-16:00 ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งรวมทั้งหมด 6 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนเวลาที่เหลือจาก 22 ชั่วโมง (ประมาณ 15 ชั่วโมงครึ่ง) เป็นช่วงเวลาที่ตลาดไม่ได้เปิดให้บริการ และทำการซื้อขายผ่าน ECN แทน

การซื้อขายช่วงนี้อาจต้องพบกับปัญหาบางอย่าง เช่น ความผันผวนและสภาพคล่องที่ต่ำกว่าปกติ ดังนั้นนักลงทุนควรระมัดระวังและพิจารณาปัจจัยเสี่ยงให้ดี


2. ความสามารถของโบรกเกอร์ออนไลน์

2.1 สภาพคล่อง

ปัญหาใหญ่ที่สุด คือ สภาพคล่อง โดยส่วนใหญ่ การซื้อขายช่วงก่อนเปิดและหลังปิดตลาด (Pre-market และ After-hours) มักจะมีสภาพคล่องที่ต่ำ ซึ่งทำให้การซื้อขายอาจไม่สามารถดำเนินไปได้ตามที่ต้องการ ดังนั้น การเลือกแพลตฟอร์มโบรกเกอร์ ที่มีสภาพคล่องดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น โบรกเกอร์ Forex EBC ได้เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องระดับโลกมากกว่า 36 ราย เช่น JPMorgan, UBS, Goldman Sachs และ Citibank ถึงแม้ว่า ในช่วงที่มีสภาพคล่องต่ำ แต่ก็ถือว่า ยังสามารถให้ราคาที่ดีกว่า


สภาพคล่อง EBC


ข้อควรระวังเพิ่มเติม ช่วงก่อนเปิดและหลังปิดตลาดนั้น โดยทั่วไปจะมีเฉพาะหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่เท่านั้น หุ้นขนาดเล็กส่วนมากมักจะไม่มีปริมาณการซื้อขาย ดังนั้นการเลือกโอกาสในการลงทุนอาจถูกจำกัด ผมแนะนำให้เน้นการลงทุนในดัชนีหุ้นมากกว่า

เนื่องจากดัชนีหุ้นมักสะท้อนแนวโน้มของตลาดโดยรวม และมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับหุ้นหลักๆ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง

ในประเด็นนี้ โบรกเกอร์ EBC ถือเป็นตัวเลือกที่แนะนำ เพราะมีการเพิ่มสภาพคล่องสำหรับดัชนียอดนิยม โดยเฉพาะดัชนีหุ้นสหรัฐฯ 3 ดัชนีใหญ่ที่มีการลดส่วนต่างราคาสเปรด (Spread) ลงอย่างมาก เช่น ดัชนี Nasdaq ที่ลดลงถึง 85% ทำให้ผู้ซื้อขายมีสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ดีขึ้น


ค่าสเปรดในดัชนีหุ้นลดลง


2.2 ความผันผวน

การซื้อขายในช่วงก่อนเปิดตลาดและหลังปิดตลาด (Pre-market และ After-hours) จะไม่ถูกนับรวมในปริมาณการซื้อขายของวันนั้น ทำให้มีข้อจำกัดน้อยกว่าในการเคลื่อนไหวของราคา 

ด้วยปัญหาสภาพคล่องที่ต่ำ การเกิดช่องว่างของราคา (price gap) ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าวสำคัญเกิดขึ้นในเวลานี้ ความผันผวนของราคาจะยิ่งชัดเจนขึ้น 

ดังนั้น การเลือกแพลตฟอร์มที่มีความสามารถในการดำเนินการคำสั่งอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากการดำเนินการช้า คำสั่งของคุณอาจไม่ทันราคาที่ขยับไปแล้ว ทำให้เกิดปัญหาในการซื้อขายหรือ SL ที่ไม่เป็นไปตามแผน 

ตัวอย่างเช่น โบรค EBC ที่มีการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์กลางการเงิน 5 แห่งทั่วโลก มีความสามารถในการดำเนินการคำสั่งได้รวดเร็วถึง 20 มิลลิวินาที และรองรับคำสั่งสูงสุด 1,000 คำสั่งต่อวินาที พร้อมทั้งมีเสถียรภาพของระบบถึง 98.75% จึงสามารถจัดการคำสั่งได้ดี แม้ในตลาดที่ผันผวนมาก


เทคโนโลยีชั้นนำของ EBC

2.3 ผลกระทบต่อการซื้อขายในช่วงเวลาปกติ

การซื้อขายก่อนเปิดและหลังปิดตลาดเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและให้โอกาสการซื้อขายในช่วงเวลาที่มีการประกาศข้อมูล เช่น งบการเงินของบริษัท การตอบสนองของตลาดในช่วงนี้จึงอาจเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่ส่งผลต่อการซื้อขายในช่วงเปิดตลาดปกติ 

ตัวอย่างเช่น ข้อมูลการเปิดคำสั่งในช่วงก่อนเปิดตลาดอาจบ่งชี้ถึงแรงต้านของดัชนี หากมีการประกาศข่าวดีแต่มีคำสั่งขายอยู่มาก อาจบ่งชี้ว่า แรงซื้อน่าจะถูกดูดซับ จนทำให้ราคาคงที่หรือมีแนวโน้มปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาด การใช้ข้อมูลนี้จะช่วยให้เราวางกลยุทธ์การปรับลดตำแหน่งในช่วงเวลาที่เหมาะสม 


ราคาที่มีสภาพคล่อง

โดยสรุป การขยายเวลาซื้อขายของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วยเพิ่มโอกาสในการจับจังหวะตลาด แต่ต้องระมัดระวังปัจจัยเรื่องสภาพคล่องและความผันผวน การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวของตลาดก่อนเปิดและหลังปิดอาจมีผลต่อทิศทางในช่วงเปิดตลาดปกติได้เช่นกัน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การถือครองทองคำของแต่ละหน่วยงานแตกต่างกันอย่างไร?

ช่วงนี้ตลาดผันผวน เทรดยากขึ้น ทำอย่างไรให้ดี?

เครื่องมือ Pending Order ใน Order Flow