เลือกโบรกเกอร์ Forex ยังไง?
ในช่วงนี้ต้องบอกเลยว่า เป็นยุคแห่งการลงทุน โดยผลสำรวจพบว่า จำนวนนักลงทุนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ โดยเฉพาะ นักลงทุนรายย่อยที่ให้ความสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนใน Forex หุ้น หรือทองคำ และอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขการลงทุนเพิ่มขึ้น ก็คือ เทคโนโลยีการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงแหล่งลงทุน หรือการให้ความรู้แก่นักลงทุนของสถาบัน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้การลงทุนนั้นสะดวก และง่ายขึ้น
ในบทความนี้จะพูดถึง การเริ่มลงทุน โดยเริ่มต้นจากการเลือกโบรกเกอร์ในการลงทุน Forex
ขั้นตอนง่ายๆ คือ:
1 ตรวจสอบใบอนุญาต
2 ตรวจสอบคุณภาพของธนาคารที่รับฝากเงินอิสระ
3 ตรวจสอบการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์
4 ตรวจสอบราคาจริงแบบเรียลไทม์
ถ้าคุณใช้ขั้นตอนนี้ในการเลือกโบรกเกอร์ รับรองว่า ได้โบรกเกอร์ที่มีคุณภาพแน่นอน
1. ตรวจสอบใบอนุญาต
โบรกเกอร์ Forex ทุกโบรกต้องขอใบอนุญาต และไม่ใช่เรื่องง่าย เช่น ใบอนุญาตจาก FCA ของสหราชอาณาจักร โดยมีค่าธรรมเนียมการสมัครจนถึงหลักประกันการซื้อขาย อย่างน้อย 2 ล้านปอนด์
แต่นั่นเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น การมีใบอนุญาตไม่ได้หมายความว่า สามารถดำเนินธุรกิจได้ ต้องมีการขออนุญาตในการดำเนินธุรกิจประเภทต่างๆ ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าใบอนุญาต FCA แบ่งประเภทการอนุญาตตามประเภทการดำเนินธุรกิจเป็น 10 ประเภท โดยที่แพงที่สุดมีค่าใช้จ่ายถึง 217,500 ปอนด์ และยังต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปีด้วย
ดังนั้น ผมมักจะแนะนำให้เลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจหลายประเภท เพราะนอกจากจะบ่งบอกถึงความมั่นคงทางการเงินแล้ว ยังทำให้โบรกเกอร์นั้นสามารถดำเนินธุรกิจได้สะดวก หากมีโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ ก็สามารถเข้าร่วมซื้อขายได้ทันที
อย่างเช่น โบรกเกอร์ EBC มีการอนุญาตการดำเนินธุรกิจถึง 15 ประเภท ในขณะที่แพลตฟอร์มทั่วไปมีเพียง 3-5 ประเภทเท่านั้น ซึ่งแสดงถึงคุณภาพและความเชี่ยวชาญของ EBC
2. ตรวจสอบคุณภาพของธนาคารที่รับฝากเงินอิสระ
ธนาคารที่รับฝากเงินอิสระนั้นมีระดับความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกันไป
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น การใช้ธนาคารรับฝากเงินอิสระจึงกลายเป็นมาตรฐานสำคัญ จุดที่ทำให้แตกต่างคือคุณภาพของธนาคารนั้นเอง
โดยทั่วไป ธนาคารสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ คือ ธนาคารทั่วไป ธนาคารที่มีความสำคัญในระดับภูมิภาค และธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งแต่ละระดับจะมีการจัดระดับความปลอดภัยต่างกัน คือ 0-A, AA และ AAA ซึ่งธนาคารที่ได้รับการจัดอันดับ AAA จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ธนาคารระดับโลก หรือ ธนาคารที่มีอิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจโลก หมายถึง ธนาคารที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก หากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยมีการแบ่งระดับความสำคัญทั้งหมด 5 ระดับ แต่ยังไม่มีธนาคารใดในระดับที่ 5 ธนาคารระดับสูงที่สุด คือ ระดับ 4 อย่าง JPMorgan Chase และระดับ 3 ซึ่งมีธนาคารอยู่ 4 แห่ง รวมทั้งหมดมีเพียง 28 ธนาคารเท่านั้น โดยเฉพาะ 5 ธนาคารในระดับ 3 และ 4 นั้นถือว่ามีความปลอดภัยสูงสุด
ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ EBC ที่เลือกใช้บริการธนาคารรับฝากเงินอิสระอย่าง Barclays ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีบัญชีประเภท Corporate Banking Account ระดับสูงสุด โดยข้อกำหนดของบัญชีนี้ระบุว่าบริษัทต้องมีรายได้และเงินฝากมากกว่า 6.5 ล้านปอนด์ ทำให้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์นี้ และ ธนาคาร Barclays ยังมีมาตรฐานสูงด้านการกำกับดูแลด้วย
ข้อดีของการเลือกธนาคารในระดับนี้ คือ ให้ความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของเงินทุน ดังนั้น คุณภาพของธนาคารรับฝากเงินอิสระจึงเป็นปัจจัยที่สามารถใช้ประเมินความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ได้
3. ตรวจสอบการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์
การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก
หลักการง่าย ๆ คือ ยิ่งเซิร์ฟเวอร์ครอบคลุมพื้นที่กว้างมากเท่าไร การเทรดก็จะยิ่งลื่นไหลมากขึ้นเท่านั้น โดยปัจจุบันตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งเซิร์ฟเวอร์ ได้แก่ 5 ศูนย์การเงินใหญ่ของโลก คือ ลอนดอน นิวยอร์ก ฮ่องกง สิงคโปร์ และโตเกียว
ตำแหน่งเหล่านี้มักเป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ที่มีสภาพคล่องสูงสุด ทำให้การดำเนินคำสั่งซื้อขายและการรวมข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มที่ดีจึงมักจะลงทุนตั้งเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งเหล่านี้
เช่นเดียวกับ โบรกเกอร์ EBC ที่ได้ตั้งเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์การเงินทั้ง 5 แห่ง นอกจากนี้ยังมีศูนย์ข้อมูลอีก 30 แห่งล้อมรอบ เพื่อให้การส่งข้อมูลรวดเร็วและครอบคลุมทุกจุดการซื้อขาย
ด้วยเหตุนี้ การดำเนินคำสั่งแต่ละครั้งใน EBC สามารถทำได้รวดเร็วถึง 20 มิลลิวินาที รองรับคำสั่งได้สูงสุด 1,000 คำสั่งต่อวินาที และให้บริการด้วยเสถียรภาพถึง 98.75% ซึ่งเกิดจากการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างระบบที่มีคุณภาพของ EBC
4. ตรวจสอบราคาจริงแบบเรียลไทม์
การแสดงราคาจริงแบบเรียลไทม์ช่วยสะท้อนถึงความโปร่งใสของโบรกเกอร์ อีกนัยหนึ่ง การที่โบรกเกอร์แสดงราคาจริง หมายถึง โบรกเกอร์นั้นมีความมั่นใจในตัวเองสูง เพราะหากราคาไม่โปร่งใสจะกลายเป็นจุดอ่อน เมื่อเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่น
หลายโบรกเกอร์ แสดงราคาในรูปแบบที่อัปเดตรายวัน ซึ่งเป็นข้อมูลแบบคงที่ ทำให้ไม่สามารถแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาแบบเรียลไทม์ได้ ในขณะที่ราคาจริงแบบเรียลไทม์จะแสดงถึงความโปร่งใสได้ดีกว่า
ตัวอย่างเช่น EBC แสดงราคาจริงบนเว็บไซต์ รวมถึงแสดงสเปรดและจำนวนล็อตที่สามารถเทรดได้ ซึ่งแสดงถึงระดับสภาพคล่องของ EBC ได้ชัดเจน
จากหน้าต่างแสดงราคา ทำให้เห็นว่าโบรกเกอร์ EBC บางประเภทมีสเปรดเป็นศูนย์จริง และมีระดับความลึกของราคาใน 5 ชั้น ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีมากสำหรับการเทรด Forex
โดยสรุป ในยุคที่การให้บริการมีความคล้ายคลึงกัน รายละเอียดเหล่านี้จะสะท้อนถึงคุณภาพและความใส่ใจของโบรคเกอร์ หากพบคุณสมบัติเด่นเหล่านี้ ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น