6 ขั้นตอนในการเลือกแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ
การเลือกแพลตฟอร์มก็เหมือนการประเมินคนนะครับ เราควรดูหลายๆ อย่างตามขั้นตอนที่กำหนด ผมมักใช้ 6 ขั้นตอนนี้ในการเลือกแพลตฟอร์มและไม่เคยเจอปัญหาจนถึงตอนนี้ วันนี้จะมาแชร์วิธีง่ายๆ ให้ทุกคนทราบ
1. ตรวจสอบใบอนุญาตการกำกับดูแล
การเลือกแพลตฟอร์มที่สำคัญที่สุดคือต้องมีใบอนุญาตการกำกับดูแลที่ได้มาตรฐาน ถ้าไม่มีใบเหล่านี้ คงไม่ต้อง พูดถึงด้านบริการอื่นๆ ของแพลตฟอร์มเลย
วิธีเลือก: ① ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตที่ดูแลโดย FCA ของอังกฤษก่อน และยิ่งเป็นแพลตฟอร์มอังกฤษ เช่น EBC ที่ผมใช้อยู่ก็ยิ่งดี เพราะได้ใบอนุญาตจาก FCA ② รองลงมาคือแพลตฟอร์มที่ถูกกำกับโดย ASIC ของออสเตรเลีย, FSA ของญี่ปุ่น, FINMA ของสวิตเซอร์แลนด์, หรือ CIMA ของหมู่เกาะเคย์แมน ③ ต่อมาคือแพลตฟอร์มจาก MAS ของสิงคโปร์, FMA ของนิวซีแลนด์, หรือ CySEC ของไซปรัส ④ แพลตฟอร์มอื่นๆ จากเขตนอกชายฝั่ง
ขั้นตอนนี้สำคัญเพราะมันแสดงถึงความเข้มงวดของการกำกับดูแลและระดับการคุ้มครอง
บางคนถามว่าทำไมไม่เลือก NFA ของสหรัฐฯ เนื่องจากมีเพียง 1-2 บริษัทที่มีใบอนุญาตนี้ และไม่ได้ทำตลาดในต่างประเทศมากนัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีความหมายในการพิจารณา
2. ตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูล
แพลตฟอร์มที่ดีจะไม่ปล่อยให้คุณหาข้อมูลเอง แต่จะเปิดเผยข้อมูลให้คุณทราบ
ข้อมูลที่ควรทราบ: ① หมายเลขการกำกับดูแล ② บัญชีฝากเงินและบัญชีธนาคารที่จัดการเงินต้องตรงกัน ③ รองรับ EA หรือไม่ ④ อนุญาตให้ปิดเปิดออเดอร์เร็วได้หรือไม่
อย่าคิดว่าข้อมูลเหล่านี้ไม่สำคัญ ผมเคยเจอปัญหาทั้งสามอย่างนี้มาก่อน
เช่น ผมเคยใช้แพลตฟอร์มหนึ่งดังมาก แต่จู่ๆ ก็ปิดตัวลง พบภายหลังว่าเงินที่ผมฝากเข้าไปอยู่ในบัญชีธนาคารที่ไม่มีชื่อเสียงและไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้การเรียกคืนเงินทำได้ยากมาก อีกตัวอย่าง เช่น เรื่องการรองรับ EA และการเปิดปิดออเดอร์เร็ว เคยเจอแพลตฟอร์มที่ไม่ยอมรับผลการเทรดที่มาจาก EA หรือการเปิดปิดออเดอร์เร็ว และกล่าวหาว่าผมโกง และยกเลิกผลกำไรทั้งหมด
ดังนั้น แพลตฟอร์มที่ดีต้องเปิดเผยข้อมูลล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยง เช่น EBC Group ที่แสดงข้อมูลบัญชีฝากเงินแยกต่างหากอย่างชัดเจนในช่องทางสาธารณะ และคุณสามารถตรวจสอบความตรงกันของข้อมูลบัญชีผ่านการโอนเงินได้
EBC Group ยังระบุเงื่อนไขบัญชีทั้งหมดไว้ในเว็บไซต์ เพื่อให้เราสามารถเลือกวิธีการเทรดที่เหมาะกับตัวเอง
3.เงื่อนไขการซื้อขาย
หมายถึงเลเวอเรจ, ค่าสเปรด, ค่าธรรมเนียม ฯลฯ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อผมเข้าใจอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น ผมก็เริ่มให้ความสนใจความลึกของสภาพคล่องของแพลตฟอร์มมากขึ้น เพราะมันรวมถึงข้อมูลการเสนอราคา, ค่าสเปรด, และสามารถสะท้อนถึงสภาพคล่องได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น สภาพคล่องของ EBC Group มีความลึกของการเสนอราคาทั้งหมดห้าระดับ โดยสามารถเห็นได้ว่าสำหรับคู่เงิน EURUSD การเสนอราคาทั้งชั้นแรกและชั้นที่สองเป็นสเปรด 0 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของสภาพคล่องและการเสนอราคาของ EBC Group ที่สูงมาก
ข้อมูลเหล่านี้อัปเดตแบบเรียลไทม์ การสังเกตจะช่วยให้คุณเข้าใจข้อดีของแพลตฟอร์มมากขึ้นและตัดสินใจว่าจะเลือกแพลตฟอร์มนั้นหรือไม่ พูดง่ายๆ คือ การแสดงเงื่อนไขการซื้อขายก็สะท้อนถึงความโปร่งใสของแพลตฟอร์มเช่นกัน
คำแนะนำเพิ่มเติมคือ คุณสามารถทดสอบด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยเพื่อดูว่าข้อมูลที่เห็นตรงกับที่ได้รับหรือไม่ หากมีความแตกต่างกันมาก ก็ควรหลีกเลี่ยงแพลตฟอร์มนั้น
4.ความเสถียรของแพลตฟอร์ม
ความโดดเด่นชั่วคราวไม่สามารถพิสูจน์ว่าแพลตฟอร์มสามารถรับมือกับทุกสภาวะตลาดได้
ไม่ว่าความผันผวนอย่างรุนแรงเพียงใด แพลตฟอร์มที่ดีควรมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมได้ตลอดเวลา จึงจะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถใช้เทรดได้อย่างยาวนาน
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเพิ่มเงินลงทุน ควรทดสอบความเสถียรของแพลตฟอร์ม
วิธีที่ผมใช้คือ ในช่วงเวลาของข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น การตัดสินใจของเฟดหรือช่วงก่อน-หลังการประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ผมจะทดสอบคำสั่งซื้อขายทั้งประเภทลิมิตและคำสั่งซื้อขายตามราคาตลาดหลายรายการพร้อมกัน และบันทึกจุดเข้าซื้อของผม จากนั้นเปรียบเทียบกับจุดเข้าซื้อจริง
5.การบริการลูกค้า
ผมเคยพูดคุยกับเพื่อนในวงการมาก่อนว่า แพลตฟอร์มที่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะมีความสามารถในการลงทุนในบริการลูกค้า หากแพลตฟอร์มใดกำลังจะปิดตัวลง สิ่งแรกที่จะลดลงคือการลงทุนในบริการลูกค้า
ดังนั้นผมถือว่าการบริการลูกค้าเป็นตัวชี้วัดความมั่นคงของแพลตฟอร์มและความสำคัญที่แพลตฟอร์มให้กับลูกค้า
สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมีสองประการ:
1. ความรวดเร็วในการตอบสนอง
2. ความเชี่ยวชาญในการตอบคำถาม
ความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะตลาดซื้อขายเป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง หากมีปัญหาและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อขาย
นอกจากนั้น ความเชี่ยวชาญก็สำคัญเช่นกัน เพราะมันจะกำหนดความรวดเร็วในการแก้ปัญหา และยังสะท้อนถึงการพัฒนาความรู้และทักษะของพนักงาน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางอ้อมถึงระดับของบริษัทเช่นกัน
6.ชื่อเสียงของแพลตฟอร์ม
ขั้นสุดท้าย ผมมักจะดูความเห็นและรีวิวจากตลาด
แม้ปัญหาที่คนอื่นพบคุณอาจไม่พบ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การได้เห็นความคิดเห็นจากหลายๆ คนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผมมักจะดูข้อมูลจากเว็บไซต์รีวิวแพลตฟอร์ม เช่น Forex110 หรือ ForexTianyan ที่มีผู้ใช้จำนวนมาก ทำให้ข้อมูลมีความเป็นกลางสูง
ตัวอย่างเช่น EBC Group ที่ติดอันดับหนึ่งในสามของ Forex110 มาเป็นเวลานาน ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในสายตาผู้ใช้รายอื่นเช่นกัน
หากแพลตฟอร์มของคุณผ่านทั้งห้าขั้นตอนก่อนหน้านี้ และได้รับการรีวิวที่ดี คุณก็สามารถลงทุนในแพลตฟอร์มดังกล่าวได้อย่างสบายใจ
นี่คือ 6 ขั้นตอนที่ผมใช้ในการเลือกแพลตฟอร์ม และประเด็นสำคัญที่ผมคิดว่าควรคำนึงถึง แล้วคุณใช้วิธีไหนในการหาแพลตฟอร์มที่เหมาะสม?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น