แพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตกำกับดูแลเยอะๆ ปลอดภัยกว่าจริงหรือไม่?

เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อนเราแนะนำแพลตฟอร์มหนึ่งและรับประกันว่าแพลตฟอร์มนี้น่าเชื่อถือมาก เขาบอกว่าเหตุผลที่แพลตฟอร์มนี้น่าเชื่อถือเพราะมีใบอนุญาตกำกับดูแลมากกว่า 10 ใบ เมื่อเราดูรายละเอียดของแพลตฟอร์มนี้ ก็พบว่ามีใบอนุญาตกำกับดูแลถึง 14 ใบจริงๆ

แต่เมื่อพิจารณาใบอนุญาตเหล่านี้ให้ดี กลับพบว่าใบอนุญาตที่ดีที่สุดเป็นเพียงใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศที่มีชื่อเสียงปานกลาง ส่วนใบอนุญาตอื่นๆ กลับไม่เป็นที่รู้จักเลย

ลักษณะแพลตฟอร์มที่ดีควรเป็นอย่างไร

1.ใบอนุญาตกำกับดูแลจำนวนมาก ≠ ใบอนุญาตกำกับดูแลที่ดี

หลายคนมักเข้าใจผิดว่าใบอนุญาตกำกับดูแลจำนวนมากเท่ากับใบอนุญาตกำกับดูแลที่ดี

แต่จริงๆ แล้วเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก หากคุณตรวจสอบผ่านแพลตฟอร์มการประเมินผลที่เชื่อถือได้ เช่น Forex110 คุณจะพบว่าใบอนุญาตกำกับดูแลที่มีชื่อเสียงจริงๆ มีเพียง 122 ใบ และใบอนุญาตที่มีการคุ้มครองจริงๆ มีเพียงประมาณ 31 ใบ อันที่จริงใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงจริงๆ จะมีเพียงไม่กี่ใบที่เรารู้จัก

หลายคนอาจไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างใบอนุญาตกำกับดูแล ยกตัวอย่างเช่น ใบอนุญาตกำกับดูแลจาก FCA ของอังกฤษ เป็นใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงที่ยังไม่เคยมีแพลตฟอร์มที่ล้มละลายมาก่อน แม้ว่าจะเคยมีแพลตฟอร์มที่ปิดตัวลงในช่วงวิกฤตการณ์ฟรังก์สวิสในปี 2015 แต่แผนการชดเชย FSCS ของ FCA จะครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ใช้ และให้การชดเชยสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์อังกฤษ

ในทางกลับกัน ใบอนุญาตที่ไม่ปลอดภัยมักจะมีเหตุการณ์แพลตฟอร์มล้มละลายที่เกิดขึ้นบ่อยๆ และมักจะมีเพียงช่องทางการร้องเรียนเดียว ไม่มีระบบการชดเชย ดังนั้นหากแพลตฟอร์มล้มละลาย ผู้ใช้จะเสียเงินทั้งหมด

ดังนั้น เรามักจะพูดว่า "ใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงหนึ่งใบ เทียบได้กับใบอนุญาตที่ไม่ปลอดภัยหลายใบ"

แพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงสองใบขึ้นไป ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือมาก ตัวอย่างเช่น EBC Financial Group มีใบอนุญาตกำกับดูแลจาก FCA ของอังกฤษ, ASIC ของออสเตรเลีย และ CIMA ของเคย์แมน ในการใช้งานจริงก็น่าเชื่อถือและปลอดภัยมาก

2.การกำกับดูแลและการจัดการเงินทุนต้องสอดคล้องกัน

เมื่อเราพูดถึงปัญหาของการกำกับดูแล ถามว่ามีแพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงมากมาย จะปลอดภัยกว่าใช่หรือไม่?

ในบางกรณี การมีใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงมากมายและความปลอดภัยสามารถเทียบเท่ากันได้

เนื่องจากการได้ใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงนั้นได้มายาก ไม่มีแพลตฟอร์มไหนที่ยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อให้ได้ใบอนุญาตนั้นมา  เช่น ใบอนุญาตจาก CIMA ของเคย์แมน ที่มีบริษัทที่ถือใบอนุญาตเพียง 40 กว่าแห่งเท่านั้น การได้รับใบอนุญาตทั้งหมดจะยิ่งยากขึ้น โดยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมายังไม่มีแพลตฟอร์มไหนที่ได้รับใบอนุญาตทั้งหมดเป็นเวลา 10 ปี

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีเพียง EBC Financial Group ที่ได้รับใบอนุญาตทั้งหมดจาก CIMA ดังนั้นใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูงจึงเป็นกลไกการคัดกรอง แพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตมากย่อมดีกว่า

แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไป เพราะเรายังต้องตรวจสอบบัญชีธนาคารที่จัดการเงินทุนของเรา

แม้จะมีใบอนุญาตกำกับดูแลที่ดีหลายใบ เรายังคงเคยเห็นแพลตฟอร์มที่เก็บเงินไว้ในธนาคารต่างประเทศ มี 2 สาเหตุ:

  1. การเปิดบัญชีในธนาคารชั้นนำมีความยากมาก เช่น ธนาคาร Barclays ของอังกฤษมีข้อกำหนดเงินฝากและรายได้ขั้นต่ำถึง 650,000 ปอนด์อังกฤษ
  2. แพลตฟอร์มเหล่านี้จะไม่ให้คุณเปิดบัญชีภายใต้การกำกับดูแลระดับสูง

แพลตฟอร์มเหล่านี้แม้จะมีใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูง และต้องไม่ทำผิดกฎหมายง่ายๆ การกำกับดูแลสามารถตรวจสอบได้เฉพาะธนาคารในประเทศเท่านั้น บัญชีที่จัดการเงินทุนไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล หากแพลตฟอร์มล้มละลายก็จะไม่มีทางรู้ได้

ดังนั้นเราแนะนำว่า ให้แน่ใจว่าบัญชีธนาคารที่จัดการเงินทุนมีคุณภาพและมีการกำกับดูแลที่มีผลบังคับใช้

คุณภาพของบัญชีธนาคารที่จัดการเงินทุน คือตรวจสอบว่าเงินของคุณถูกจัดการในธนาคารชั้นนำหรือไม่ โดยเฉพาะธนาคารที่มีระดับความปลอดภัย AAA เช่น ธนาคาร Barclays ของอังกฤษ การเปิดบัญชีในธนาคารเหล่านี้แม้ว่าจะมีแพลตฟอร์มน้อย แต่ความปลอดภัยก็ได้รับการคุ้มครองแน่นอน

การกำกับดูแลที่มีผลบังคับใช้ คือตรวจสอบว่าการกำกับดูแลสามารถควบคุมธนาคารนี้ได้หรือไม่ เช่น บัญชีของ EBC ที่อยู่ภายใต้ CIMA ของเคย์แมนและ FCA ของอังกฤษทั้งหมดเปิดในธนาคาร Barclays ของอังกฤษ และเนื่องจากเคย์แมนเป็นเขตปกครองพิเศษของอังกฤษ CIMA และ FCA จึงมีการกำกับดูแลร่วมกัน ดังนั้นการกำกับดูแลทั้งสองจึงสามารถตรวจสอบบัญชีในธนาคาร Barclays ได้

ตราบใดที่มีสองข้อนี้ ฉันคิดว่าความปลอดภัยของเงินทุนก็ไม่มีปัญหา คุณสามารถตรวจสอบได้โดยการโอนเงินผ่านทางธนาคารว่า บัญชีฝากเงินและบัญชีที่จัดการเงินทุนตรงกันหรือไม่

สรุปแล้ว เราควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตกำกับดูแลหลายใบ แต่ต้องดูทั้งปริมาณและคุณภาพ

ในช่วงเวลาที่การกำกับดูแลมีคุณภาพไม่เท่ากัน การหาแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแลระดับสูงหลายใบ และแน่ใจว่าเงินของคุณถูกจัดการในธนาคารชั้นนำที่ได้รับการกำกับดูแล เราจึงจะได้รับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมอย่างแท้จริง

 

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การถือครองทองคำของแต่ละหน่วยงานแตกต่างกันอย่างไร？

รูปภาพ
การติดตามข้อมูลการถือครองทองคำ เพื่อใช้ศึกษาทิศทางของราคาทองคำ ในปัจจุบัน ข้อมูลเกี่ยวกับการถือครองทองคำ มีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่: 1. การถือครองทองคำของธนาคารกลาง 2. กองทุน ETF ทองคำ 3. ข้อมูลการถือครองจาก CFTC 4. ข้อมูลการถือครองทองคำใน COMEX แบบเรียลไทม์ แล้วทั้ง 4 ประเภทนี้ มีความแตกต่างอย่างไร？ 1.การสำรองทองคำของธนาคารกลาง การซื้อทองคำของธนาคารกลาง ได้รับความสนใจมากในปีนี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ก็คือการที่ธนาคารกลางหลายประเทศมีบทบาทในการซื้อทองคำเพิ่มขึ้น ทองคำทั่วโลกที่ขุดขึ้นมา ส่วนมากจะถูกเก็บไว้ในธนาคารกลาง โดยถือครองทองคำรวมกันประมาณ 27,734.3 ตัน ซึ่งแบ่งตามภูมิภาคดังนี้:  ① ทวีปยุโรปตะวันตก ถือครองมากที่สุดที่ 10,733.58 ตัน ② ทวีปอเมริกาเหนือ ถือครอง 8,133.46 ตัน แต่ประเทศแคนาดาไม่มีการสำรองทองคำ ดังนั้น สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศที่มีการสำรองทองคำมากที่สุดในอเมริกาเหนือ ③ ทวีปเอเชียตะวันออก ถือครองทองคำ 3,110.29 ตัน ธนาคารกลางทั่วโลกทั้ง 3 ทวีปนี้ ถือครองทองคำมากที่สุด แต่เมื่อเทียบกับทองคำที่อยู่ใน กองทุน ETF ทองค (Gold ET...
อ่านเพิ่มเติม

ช่วงนี้ตลาดผันผวน เทรดยากขึ้น ทำอย่างไรให้ดี?

รูปภาพ
นับตั้งแต่การเลือกตั้งสหรัฐฯ สิ้นสุดลง ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสินทรัพย์บางประเภทดูเหมือนจะเข้าสู่จุดเปลี่ยน ซึ่งทำให้มีโอกาสในการเทรดระหว่างวันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจะทำการเทรดระหว่างวันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ? 1. เลือกช่วงเวลาเทรดให้เหมาะสม ขั้นตอนแรกของการทำการซื้อขายระหว่างวัน (Day Trading) คือ การกำหนดช่วงเวลาการซื้อขายให้ชัดเจน คำแนะนำ ควรเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสมที่อยู่ในช่วง 15 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หากเลือกกรอบเวลาที่มากกว่า 4 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น อาจทำให้อินดิเคเตอร์ทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ 2. การซื้อขายในช่วงกรอบราคา (Range Trading) ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การเทรดจากฝ่ายซื้อและฝ่ายขายจะรุนแรงมาก ดังนั้นแนวโน้มราคามักจะเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ภายในช่วงกรอบราคา เช่น เครื่องมือ OrderFlow ของ EBC ที่แสดงการกระจายของคำสั่งซื้อต่างๆ คุณจะสามารถเห็นช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแบบSide ways โดยทั่วไป ช่วงที่ราคามีการกระจายตัวของคำสั่ง มักจะมากกว่าช่วงที่ราคามีการทะลุแนวรับหรือแนวต้าน ดังนั้น สำหรับการเทรดระหว่างวัน การซื้อขายในกรอบราคาอาจเปิดโอกาสให้ทำกำไรจากการขายที่ราคาสู...
อ่านเพิ่มเติม

เครื่องมือ Pending Order ใน Order Flow

เมื่อเร็ว ๆ นี้เครื่องมือ Order Flow ของโบรกเกอร์ EBC มีเครื่องมือการซื้อขายแบบ Pending Order หรือการกระจายของคำสั่งซื้อล่วงหน้า เครื่องมือที่เราใช้กันบ่อย คือ แผนภูมิการกระจายคำสั่งที่ได้ดำเนินการแล้วในเครื่องมือ Order Flow ซึ่งแสดงถึงคำสั่งซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาด โดยช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของแรงซื้อขายในตลาดและเปรียบเทียบกันได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น บริเวณที่มีการสะสมของปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่น มักจะมีแนวโน้มราคาที่เคลื่อนไหวแบบทรงตัว และจุดที่มีการทะลุแนวราคามักเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย คุณสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า ยิ่งมีการสะสมของปริมาณการซื้อขายมากเท่าไร การแย่งชิงในตลาดก็ยิ่งรุนแรง ซึ่งทำให้ราคาคงตัวอยู่ในช่วงแคบ ๆ แต่เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดแรงในการสะสมปริมาณการซื้อขาย ฝ่ายที่ได้เปรียบก็สามารถผลักดันราคาให้เคลื่อนไหวได้ด้วยการซื้อขายเพียงเล็กน้อย จากการสะสมของปริมาณการซื้อขายและการเคลื่อนไหวของคำสั่งซื้อในตลาด คุณสามารถใช้ข้อมูล Order Flow ( การไหลของคำสั่งซื้อ)  ในอดีตมาช่วยในการหาจุดที่อาจเป็นแนวรับและแนวต้านในตลาดได้ แต่บางครั้งเราก็อาจเจ...
อ่านเพิ่มเติม